Last updated: 15 ม.ค. 2567 | 1453 จำนวนผู้เข้าชม |
แปลงหนี้เป็น..สัญญากู้เงิน
กรณีท่านที่มีหนี้สินต่อกันไม่ว่าเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ต้องการที่จะเปลี่ยนประเภทของหนี้สิน ก็สามารถทำได้ตามกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนเป็นสัญญากู้ยืมเงินกัน ซึ่งมีวิธีการและขั้นตอนรวมทั้งข้อดีข้อเสีย ดังนี้
1. ต้องมีหนี้เดิมและหนี้เดิมนั้น ต้องเป็นหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องฟ้องร้องบังคับกันได้ ไม่เป็นโมฆะ หากหนี้เดิมผิดกฎหมาย หนี้ใหม่ก็ไม่เกิด
2. คู่กรณีหรือคู่สัญญาเดิมต้องตกลงสมัครใจที่จะแปลงหนี้ใหม่ทั้งสองฝ่าย โดยกฎหมายระบุว่าต้องทำเป็นสัญญา ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ ทำด้วยวาจาก็สมบูรณ์ แต่ทางทีดีให้มีหลักฐานเป็นหนังสือดีทีี่สุุด อาจจะทำในรูปของบันทึกข้อตกลง
3. ในสัญญาแปลงหนี้ใหม่นั้น ต้องเจตนาให้หนี้เดิมระงับ แล้วมาบังคับกันในหนี้ใหม่ ซึ่งนอกจากเปลี่ยนเป็นหนี้ใหม่ได้แล้ว ยังสามารถแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนเจ้าหนี้ หรือเปลี่ยนลูกหนี้ได้อีกด้วย
4. หนี้ใหม่ที่นิยมทำกันมากที่สุดคือเปลี่ยนเป็นหนี้กู้ยืมเงินกัน ข้อดีคือหนี้กู็ยืมมีอายุความ 10 ปี ในขณะที่หนี้เดิมบางชนิดเช่นละเมิดมีอายุความแค่ 1 ปี และยังคิดดอกเบี้ยได้ถึงร้อยละ 15 ต่อปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาจนกว่าจะชำระเสร็จ ในขณะที่หนี้เดิมคิดดอกเบี้ยได้แค่ร้อยละ 5 ต่อปีเท่านั้น ข้อนี้เป็นข้อดีของหนี้ใหม่
5. หนี้ใหม่ก็ต้องทำตามรูปแบบของกฎหมาย เช่น หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ และต้องปิดอากรสแตมป์ตามกฎหมายคือหมื่นละ 5 บาท ข้อนี้เป็นข้อเสีย
ประเด็นสำคัญก็มีเท่านี้ ที่หลือก็เป็นเรื่องปลีกย่อย สอบถามทนายความทั่วไปได้
..ทนายยกฤษณะ
12 พ.ค. 2567
13 พ.ค. 2567
13 ก.พ. 2567
15 ก.พ. 2567