สวัสดีค่ะ ทนายกฤษณะ จุฑาธิปไตย รบกวนถามข้อกฎหมายค่ะ
- รถของเรา แต่เราไม่ได้ขับเองให้เพื่อนขับ และเพื่อนก็เต็มใจที่จะขับ รถเกิดอุบัติเหตุ ( ชนกับรถมอเตอร์ไซด์ ) มีผู้บาดเจ็บ 1 คน เสียชีวิต 1 คน รถมีประกัน 2 พลัส หรือที่เรียกว่า 2+ วงเงินประกันเขาเขียนว่า ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พรบ. 500,000 บาท/คน 10,000,000 บาท/ ครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 1,000,000 บาท/ครั้ง รถไม่มีพรบ. ( พรบ.ขาด ) มีแต่ประกัน 2 พลัส กรณีนี้ประกัน รับผิดชอบส่วนไหนบ้างคะ และใครต้องรับผิดชอบสูงสุดระหว่างคนขับรถ กับ เจ้าของรถ หรือประกัน
- ในกรณีนี้ประกันเขาบอกเขารับผิดชอบในส่วนของประกัน แต่ส่วนของ พรบ. ประกันบอกคู่กรณีคือเจ้าของรถกับคนขับต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง ทั้งค่ารักษาพยาบาลในส่วนของ พรบ. จำนวน 50,000 บาท และค่าปลงศพในส่วนของพรบ. อีก 200,000 บาท ส่วนเกินที่เหลือจากนี้ประกันถึงรับผิดชอบ แบบนี้ถูกต้องหรือไม่คะ
- ค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บในส่วนของ พรบ. จำนวน 50,000 บาท และค่าปลงศพในส่วนของ พรบ.จำนวน 200,000 บาทที่คิดไว้ว่าจะหารกับเพื่อนคนละครึ่ง เพราะถือว่าเรากระทำความผิดร่วมกัน คือ เราผิดที่ให้เพื่อนขับรถให้ เพื่อนผิดที่ขับรถชนคน แต่เพื่อนบอกว่าเราควรรับผิดชอบในส่วนของ พรบ.เองทั้งหมด เพราะรถเราไม่มี พรบ. คือเพื่อนจะไม่ยอมช่วยชดใช้ค่าเสียหาย เขาบอกว่าถ้ารถเรามี พรบ. พรบ. ก็เป็นคนจ่ายส่วนนี้ทั้งหมด แต่นี่ รถเราไม่มี พรบ. ฉะนั้นเจ้าของรถต้องชดใช้เอง เพราะ เพื่อนก็ต้องเสียเวลาไปขึ้นศาล เพื่อนพูดแบบนี้ถูกต้องหรือไม่คะ บางคนบอกว่าคนที่ต้องรับผิดชอบแบบเต็มๆคือคนขับ เจ้าของรถเป็นจำเลยที่ 2 บางคนก็ว่าเจ้าของรถต้องรับผิดชอบเต็มๆ อันไหนถูกต้องคะ และสมมุติว่าถ้าเขาหนีไปคนที่ต้องรับผิดชอบแบบเต็มๆคือเจ้าของรถใช่ หรือ ไม่คะ
- กรณีนี้เขาเรียก ค่าปลงศพคนเสียชีวิต 700,000 บาท ( เจ็ดแสนบาท ) ยังไม่รวมค่าคนเจ็บ แต่ประกันต่อรองเขาเหลือ 400,000 บาท คือให้ทางฝ่ายเจ้าของรถและคนขับรับผิดชอบในส่วนของ พรบ. 200,000 บาท ทางบริษัทประกันจ่ายเพียงแค่ 200,000 บาท ( ทั้งๆที่วงเงินประกันเขาเขียนว่า ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พรบ. 500,000 บาท/คน 10,000,000 บาท/ ครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 1,000,000 บาท/ครั้ง ) ทางฝ่ายผู้เสียหายไม่ยอมยืนกรานขอ 700,000 บาท ( เจ็ดแสนบาท ) นั่นหมายความว่าทางเราจ่าย 200,000 บาทแทน พรบ. ทางประกันอีก 500,000 บาท ตัวแทนประกันรอไกล่เกลี่ย นัดเจรจากันอีกครั้งในนัดหน้า ซึ่งมองดูแล้วเรื่องน่าจะจบยากเพราะทางฝ่ายผู้เสียหายยืนกราน 700,000 บาท ( เจ็ดแสนบาท ) ซึ่งถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องฟ้องร้องกัน
- กรณีนี้ถ้าเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นจริงคนขับติดคุกไหมคะ ( เพื่อนกลัวว่าจะต้องติดคุกค่ะ )
- และเจ้าของรถจะมีความผิดอะไรบ้างไหมคะในฐานะที่เป็นเจ้าของรถและรถไม่มี พรบ. นอกเหนือจากการเสียค่าปรับ 10,000 บาท
- และจริงๆแล้วประกันควรรับผิดชอบเท่าไรคะ
- แต่เมื่อปรึกษากับตัวแทนบริษัทประกัน ตัวแทนบริษัทประกันบอกว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆเพราะญาติทางฝ่ายผู้เสียหายรู้สึกค่อนข้างแข็ง คงต้องจบด้วยการฟ้องร้องกัน ตัวแทนบริษัทประกันแนะนำว่า ให้เราช่วยค่ารักษาเบื้องต้นคนเจ็บ ค่าทำศพเบื้องต้นผู้เสียชีวิต แล้วให้ร้อยเวร บันทึกแยกเป็นส่วนๆไปว่าเจ้าของรถช่วยเหลือเบื้องต้นอะไรบ้างเป็นเงินเท่าไร คนขับช่วยเหลือเบื้องต้นอะไรบ้าง เป็นเงิน เท่าไร ที่เหลือให้เรียกเก็บกับบริษัทประกัน เมื่อขึ้นศาลแล้ว ศาลจะพิจารณาในส่วนที่เราได้ช่วยเหลือเขาไปแล้ว ถ้าศาลเห็นสมควรคนขับก็ไม่ติดคุก และเราก็ไม่ต้องจ่ายในส่วนของ พรบ 200,000 บาทด้วย แต่จะเรียกเก็บกับบริษัทประกันภัยแทนซึ่งวงเงินที่เรียกได้ไม่เกิน 500,000 บาท และเจ้าของรถต้องเสียค่าปรับ 10,000 บาท ฐานไม่มี พรบ. ซึ่งตอนนี้ก็ได้จ่ายค่ารักษาให้คนเจ็บในส่วนของ พรบ.ไปแล้ว 35,000 บาท ซึ่งเขาจะเรียกเก็บทีหลังอีก 15,000 บาท ในส่วนของผู้เสียชีวิตได้ช่วยเหลือค่าทำศพเบื้องต้นตอนเขาจัดงานศพใหม่ๆ 20,000 บาท แต่ทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ยอมรับเงิน เขาบอกรอเคลียร์กันทีเดียว
- อยากเรียนถามว่า ที่ตัวแทนบริษัทประกันภัย แนะนำนั้นจริงแค่ไหนที่ว่าเมื่อเราช่วยเหลือเขาเบื้องต้นไปแล้วเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควรแล้ว เมื่อขึ้นศาลแล้วทั้งเจ้ารถทั้งคนขับไม่ต้องชดใช้ 200,000 บาท ในส่วนของ พรบ.อีก จ่ายแค่ค่าปรับ 10,000 บาท ฐานไม่มี พรบ. เท่านั้น จริงหรือไม่ คะ ( แต่ต้องช่วยเหลือเขาให้มากหน่อย ) ที่ถาม เกรงว่าเมื่อช่วยเหลือเบื้องต้นเขาไปแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังต้องไปรับผิดชอบในส่วนของ พรบ.อีก 200,000 บาทซึ่งเพื่อนบอกว่าเขาจะไม่ช่วยในส่วนนี้ ( แต่ตัวแทนประกันบอกคนที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆคือคนขับรถ ) รบกวน ทนายกฤษณะ จุฑาธิปไตย ช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เจ้าของรถ

1. ประกันชั้นนี้ผมยังไม่เคยทำ เลยไม่ทราบเงื่อนไข ส่วนผู้รับผิดชอบก็ทั้งหมดนั่นแหละ ผมหมายถึงคดีแพ่งนะครับ
2. ทั้งเจ้าของรถและคนขับต้องรับผิดร่วมกันทางแพ่ง ส่วนคดีอาญาซึ่งมีโทษจำคุก คนขับรับไปเต็มๆ เพียงคนเดียว
3. ความผิดฐานนี้คือประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ(ไม่รู้สาหัสหรือไม่) ยังไงคดีอาญาก็ต้องส่งฟ้องศาลอยู่แล้ว ส่วนคดีแพ่งก็แล้วแต่ผู้เสียหาย แต่เรื่องยอดเงินจะเรียกเท่าใด ก็เป็นสิทธิของผู้เสียหาย ไม่ได้หมายความว่าต้องชดใช้ตามที่เขาเรียก ถึงแม้จะไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ศาลก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม ไม่ใช่ตามที่โจทก์เรียกมา
4. ในส่วนคดีอาญาถ้าคนขับเยียวยาชดใช้เป็นเงินให้ผู้เสียหายจำนวนพอสมควร บวกกับของประกันภัย ก็ยังไม่เคยเห็นใครติดคุก โดยที่ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องพอใจยอมรับ
5. ค่าเสียหายทางแพ่งไม่ต้องไปคิดเรื่อง พรบ.หรอก ไม่มีใครเขาคิดแบบนั้นกัน

ขอขอบคุณทนายกฤษณะ มากค่ะที่ให้ความกระจ่าง กรณีนี้ถ้าทางเราช่วยเหลือเบื้องต้นเขาเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร และเขาได้รับสินไหมจากทางบริษัทประกันอีกจำนวนหนึ่งคือวงเงินไม่เกิน ห้าแสนบาท ตามกรมธรรณ์ อันนี้เราไม่ต้องชดใช้อีก สองแสนบาท ในส่วนของพรบ.ใช่ไหมคะ และเวลาขึ้นศาลเจ้าของรถต้องไปขึ้นศาลด้วยไหมคะ
ขอบคุณมากค่ะ

เวลาเขาฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง คงไม่มีในส่วน พรบ.ที่คุณเข้าใจหรอก ค่าเสียหายที่เขาเรียกก็เช่น ค่าขาดไร้อุปการะของบุตรหรือบิดามารดา , ค่าปลงศพ เป็นต้น ส่วนเจ้าของรถถ้าจะไปศาลในคดีอาญาก็ต้องในกรณีที่ศาลมีหมายเรียกในการเป็นพยาน ถ้าในทางแพ่งจำเลยจะไปหรือไม่ไปก็ได้

ขอบคุณมากค่ะสำหรับการให้คำปรึกษา

สวัสดีครับ ทนาย กฤษณะ ผมเคยโพส์มาถามหลายครั้งแล้ว คือเรื่องของพี่ชายผม ที่โดนแอบอ้างใช้ชื่อ เรี่องยาเสพติดประเภทยาบ้า โดยบุคคนภายนอก เป็นคนส่งยาเข้าไปจำนวน 290 เม็ด และคนที่ส่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เข้าได้โดนออกจากงานไปแล้ว เรื่องคือว่าผมอยากจะฟ้องทางโรงพยาบาลได้ไหม และถ้าฟ้องจะชนะไหม และถ้าศาลตัดสินว่าพี่ชายผมไม่ผิดพอที่จะเรียกค่าเสียเวลาได้ไหมครับผมและพี่สาวผมก็เสียเวลากลับเรื่องนี้มาก ตอนนี้เรืองอยู่ ระหว่างสอบพยาน และจะตัดสินคดี วันที่ 29 ก.พ.2555 นี้

ผมคิดว่าทางโรงพยาบาลคงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย คงเป็นการกระทำของบุคคลส่วนตัว สรปว่าไม่น่าฟ้องโรงพยาบาลครับ

โฉนดบ้านแม่ติดแบ๊งค์โดยพี่ชายไปกู้ทำธุรกิจ แรก ๆก็ผ่อนดีระยะหลังไม่ผ่อนเลย จากปีแล้วปีเล่า จนแม่ตาย พี่สาวคนโตไปทำเป็นผจก.มรดก ไปเช็คหนี้ พบว่าดอกทบมาเป็นแสนๆ จากเดิม 6 แสน เป็น 7เกือบ 8 แสน พี่ที่เป็น ผจก.มรดกกลัวแบ๊งค์ยึดขายทอดตลาด จึงจะทำเป็นให้ลูก(พี่ที่เป็น ผจก.มรดก)มาไถ่ถอน (ซึ่งลึก ๆผมก็ไม่รู้นะว่าเจตนาอย่างไร แต่ถ้ามาคิดอีกทีก็ดีกว่าตกไปเป็นของคนอื่น เพราะเป็นมรดกที่พ่อแม่สร้างให้ไว้) โดยให้เหตุผลว่า ก็ให้ซื้อไว้ แต่ก็ให้ทุกคน(มีพี่ ๆคนรองอีก 2 คนอาศัยอยุู)ก็ให้อาศัยอยู่ต่อไปได้ ผมซึ่งเป็นน้องคนเล็ก แยกมาสร้างครอบครัวใหม่แล้ว กลัวว่า สักวันเกิดหลานมีปัญหาร้อนเงิน แล้วเกิดเอาบ้านไปขาย(ซึ่งก็น่าจะ 3-4 เท่า ของราคาที่ไถ่ถอนมา)พี่ ๆคนรองก็จะไม่มีที่อยู่ ตอนนี้กลุ้มใจมาก จะไปไถ่ถอนเอง ก็มีเงินไม่พอ ขอรบกวนถามดังนี้ครับ 1) ถ้าผมยอมให้หลานไถ่ถอน จะสามารถทำเป็นสัญญา หรือสลักหลังโฉนด ว่าห้ามขายจนกว่าพี่ ๆทั้งสองที่อาศัยอยู่ สิ้นชีวิตซะก่อน จึงจะนำโฉนดไปทำอะไรได้ จะเป็นไปได้ไหมครับ 2)ตอนเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อหลานในโฉนดซึ่งเป็นคนไถ่ถอน จะเพิ่มชื่อพี่สาวที่อาศัยอยู่ด้วย ได้หรือไม่ เพื่อประกันว่า จะอยู่ได้ตลอด จนกว่าจะสิ้นชีวิค หรือ 3) ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ทั้งสาม ว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งน่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ เรื่องอาจจะยาวไปหน่อย แต่ก็พยายามย่อแล้วนะครับ จะตอบไปทางอีเมล์ผมก็ได้นะครับ Rutcha.1510@gmail.com หรือจะตอบทางนี้ก็ได้ครับ ผมจะติดตามทุกวัน ขอบคุณอีกครั้งครับ

1)โฉนดที่ลงนามเป็นเจ้าของ 2 คน ถ้าคนหนึ่งคนใดนำไปขาย โดยอีกคนไม่รู้ จะได้หรือไม่คะ
2)ผู้จัดการมรดก สามารถนำโฉนดบ้านไปขายได้ตามลำพังหรือไม่คะ มีวิธีใดบ้างคะ ที่สามารถคัดค้าน หรือยื่นฟ้องร้อง กรณีเขาไปขายโดยไม่บอกกล่าวเรา

ขอบพระคุณอย่างสูงคะ

จะไปสลักหลังแบบนั้นเขาคงไม่ยอมหรอก เพราะเขาออกเงินไถ่ถอนออกมา แต่อยากให้ลงชื่อพี่สาวไปด้วยก็น่าจะได้ ถ้าอีกคนนำไปขายจะขายได้เฉพาะในส่วนของตนเท่านั้น
ส่วนกรณีที่ผู้จัดการมรดกจะนำไปขายโดยที่ไม่โอนให้ใคร ก็สามารถทำได้ โดยที่ไม่ต้องบอกให้ทายาทอื่นรู้ กรณีของคุณคงไปเรียกร้องอะไรมากไม่ได้หรอกเพราะไม่ได้ออกเงินไถ่ถอน

ขอบพระคุณมากคะ ที่เสียสละเวลาสำหรับการตอบข้อซักถาม